สถิติการใช้ภาษาอังกฤษของนักเรียนไทย
สถิติไอเอลชี้ ภาษาอังกฤษของไทย ต่ำกว่าเพื่อนบ้าน
เมื่อเร็วๆนี้
ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ลูกศิลป์รายงานว่า
บริติชเคาน์ซิลประจำประเทศไทยเปิดเผยสถิติการทดสอบสอบความรู้ภาษาอังกฤษนานาชาติ
หรือที่รู้จักในชื่อไอเอล (IELTS) ในส่วนที่ใช้สำหรับสมัครเรียนต่อในระดับอุดมศึกษาหรือสูงกว่าทั่วโลกประจำปี 2554 พบว่า ชาวไทยที่เข้ารับการสอบ
มีผลสอบอยู่ที่ระดับ 5.5 เป็นจำนวนมากที่สุดคือ 26% ของผู้เข้าสอบชาวไทย
ซึ่งเกณฑ์ดังกล่าวหมายถึงภาษาอังกฤษระดับปานกลาง
สามารถมีการใช้ภาษาได้บางส่วนและเข้าใจความหมายกว้างในสถานการณ์ส่วนใหญ่
สามารถสื่อสารในระดับพื้นฐานที่ตนถนัดได้ แต่ยังมีข้อผิดพลาดบ่อยๆ อย่างไรก็ดี
หากเปรียบเทียบในกลุ่มประเทศอาเซียน พบว่า
ประเทศไทยจัดอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำกว่าทั้งประเทศฟิลิปปินส์ เวียดนาม และพม่าด้วย
โดยเกณฑ์ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ระดับ 6-7 ขึ้นไป
ขณะที่ประเทศที่มีค่าเฉลี่ยนสูงสุดในอาเซียนคือสิงคโปร์อยู่ที่ระดับ 8.0
การอ่านและพูดเป็นปัญหาใหญ่สุด ไทยจะเสียเปรียบอาเซียน
วันที่ 20 สิงหาคม นายวรวินชญ์ พวรสิน ผู้ให้คำปรึกษาด้านการบริการลูกค้า
บริติชเคาน์ซิล สาขาสยามแสควร์ กล่าวว่า ชาวไทยได้คะแนนไอเอลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 5.0-6.0 ซึ่งยังไม่สามารถนำไปใช้ในการสมัครเรียนต่อหรือการทำงานได้
เพราะส่วนใหญ่มหาวิทยาลัยต่างๆทั่วโลกรวมถึงในเมืองไทยในหลักสูตรภาคภาษาอังกฤษจะมีเกณฑ์การรับเข้าศึกษาต่ออยู่ที่ระดับ 6.5-7.0“การสอบไอเอล จะทดสอบการพูด ฟัง อ่าน
และเขียน
ซึ่งทักษะการอ่านและการพูดเป็นปัญหาที่สุดของคนไทยที่ได้คะแนนต่ำเพราะคนไทยยังอาย
ไม่กล้าที่จะพูด กังวลถึงการใช้ภาษาที่จะผิด ทั้งๆที่ยังไม่ได้ทดลองก่อน” นายวรวิชญ์ กล่าว
ผู้ให้คำปรึกษาด้านการบริการลูกค้า บริติชเคาน์ซิล กล่าวว่า ส่วนทักษะการอ่าน
ปัญหาอยู่ที่การอ่านไม่ทันและไม่สามารถตอบคำถามตามเวลาที่กำหนดให้ได้
สองทักษะนี้เองทำให้เกณฑ์ระดับการทดสอบภาษาอังกฤษของคนไทยต่ำลง ทั้งนี้จากคะแนนดังกล่าว
ทำให้การที่ประเทศไทยจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน คนไทยจะปัญหาอย่างมาก
เพราะชาติที่เข้าร่วมประชาคมอาเซียน
บางชาติใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลักจึงอาจทำให้เกิดการรับคนต่างชาติเข้างานและแข่งขันที่สูงขึ้นนายเจมส์ กล่าวต่อว่า อีกปัญหาคือครูไทยสอนภาษาอังกฤษโดยใช้ท่องจำมากกว่าการสร้างความเข้าใจให้กับนักเรียน อาทิ สอนให้นักเรียนลอกตามในสิ่งที่ครูสอน แต่ไม่สอนความเข้าใจให้กับผู้เรียน ที่เห็นได้ชัดเลยคือเวลาครูผู้สอนถามถึงความเป็นอยู่ของผู้เรียน นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะตอบว่า “I’m fine thank you, and you?” (ฉันสบายดี แล้วคุณล่ะ?) ทั้งๆที่บางคนก็ไม่สบายแต่ไม่กล้าพูดหรือไม่รู้จะพูดว่าอะไรเพราะสอนกันแบบท่องจำ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นอกจากนี้ สถิติผลการทดสอบความรู้ภาษาอังกฤษTOEFL ประจำปี 2011 หรือ พ.ศ. 2554 จาก ETS (Educational Testing Services) พบว่า ประเทศไทยอยู่ในลำดับที่ 116 จากทั้งหมด 163 ประเทศ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่มีความรู้ระดับต่ำ แต่ยังมีลำดับนำหน้าอยู่ 2 ประเทศในโซนอาเซียน คือ กัมพูชา และลาว ส่วนประเทศที่มีระดับความรู้ในการทดสอบภาษาอังกฤษใกล้เคียงกับประเทศไทยคือประเทศพม่าและเวียดนาม
แนะศธ.- สทศ.เปลี่ยนข้อสอบภาษาอังกฤษ จะทำให้เด็ก – ครู –โรงเรียนเปลี่ยน ระบุครูเรียนปรับวุฒิ ไม่ได้มุ่งพัฒนาเด็ก อยากเห็นรัฐบาลฟื้นโครงการทุนครู 5 ปี เน้นเด็กดี –เก่งเรียนครู
ดร.อรพรรณ วีระวงศ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) เปิดเผยว่า จากงานวิจัยที่ได้ศึกษาเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในเมืองไทยเพราะเหตุใดไม่ได้ผลนั้น และเด็กไทยก็ยังพูดภาษาอังกฤษไม่ได้แม้ว่าจะเรียนในหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กำหนดให้ได้เรียนกันตั้งแต่ชั้นประถมศึกษาตอนต้น – ประถมศึกษาตอนปลาย (ป.1 – ป.6 ) และมัธยมศึกษาตอนตั้ง- มัธยมศึกษาตอนปลาย ( ม.1-ม.6) รวมเวลาที่เรียนภาษาอังกฤษทั้งสิ้น 12 ปีเต็มๆ แต่เด็กไทยก็ยังใช้ภาษาอังกฤษในการพูดไม่ได้ อย่าว่าแต่เด็กเลยอาจารย์ในมหาวิทยาลัยระดับด๊อกเตอร์บางคนก็ยังไม่สามารถใช้ภาษาอังกฤษสนทนาในชีวิตประจำวันได้
เหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะมาจาก Socio Linguistics ภาษาศาสตร์ทางด้านสังคมไทย มีปัจจัยที่ทำให้เด็กไทยพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แม้จะเรียนมาเป็นเวลาถึงสิบกว่าปีก็ตาม สืบเนื่องจากการที่เด็กต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ เด็กละเลยที่จะเรียนพูด ครูไม่เน้นไม่ให้ความสำคัญเพราะในข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่มีการสอบพูด ครูไทยเน้นการสอบไวยาการณ์ (grammar) และการการเนื้อเรื่อง (Reading) เพื่อให้เด็กสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ แรงขับดันจากพ่อแม่ผู้ปกครองที่ลูกต้องสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาเพื่อพ่อแม่จะได้ภูมิใจ โรงเรียนเองก็ต้องการสถิติจำนวนเด็กที่สามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ในจำนวนที่มากและแต่ละปีก็ต้องเพิ่มขึ้นๆ
ผลการทดสอบที่ใช้ชื่อว่า “JobStreet.com English Language Assessment” หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ “JELA” ซึ่งวัดความสามารถด้านทักษะภาษาอังกฤษโดยคำถามจำนวน 40 ข้อ ที่สุ่มเลือกมาจาก 1,000 ข้อ พบว่า กลุ่มตัวอย่างจากสิงคโปร์ได้คะแนนสูงที่สุด คิดเป็นค่าเฉลี่ยที่ 81 เปอร์เซ็นต์รองลงมาคือกลุ่มตัวอย่างจากฟิลิปปินส์ที่ได้ 73 เปอร์เซ็นต์, มาเลเซีย 72 เปอร์เซ็นต์, อินโดนีเซียได้คะแนนเฉลี่ย 59 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ไทยอยู่รั้งท้ายที่ 55 เปอร์เซ็นต์ หรือเกินครึ่งเพียงเล็กน้อย สำหรับประเทศไทยนั้น ทาง “จ๊อบสตรีท” เผยว่า ผู้เข้ารับการประเมินจากสายอาชีพด้านข่าว, การตลาด/การพัฒนาธุรกิจ, เลขานุการและผู้ช่วยส่วนบุคคล ได้รับคะแนนเฉลี่ยสำหรับการทดสอบภาษาอังกฤษที่สูงกว่าสายงานด้านอื่นๆ แต่ก็ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของเพื่อนบ้านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้ ทีมงานของจ๊อบสตรีท ซึ่งเป็นเว็บไซต์ผู้ให้บริการหางานผ่านอินเทอร์เน็ตชื่อดัง ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก นับตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 เป็นต้นมา ระบุว่า มีผู้เข้าร่วมการทดสอบวัดความสามารถด้านภาษาอังกฤษในครั้งนี้ทั้งสิ้น 1,540,785 คน จาก 5 ประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คือ ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย รวมถึงฟิลิปปินส์
ครูฝรั่งเผย ต้องกล้าพูดถึงจะเก่ง
นายเจมส์
เบทส์ หัวหน้าอาจารย์ประจำสถาบันสอนภาษาอังกฤษบอสตั้น ไบร์ท กล่าวว่า
ปัญหาที่ตนและครูผู้สอนของสถาบันพบคือ
ผู้มาสมัครเรียนภาษาอังกฤษไม่มีความกล้าที่จะพูดภาษาอังกฤษ
การใช้หลักไวยากรณ์อย่างถูกต้องเป็นเรื่องที่ดี
แต่บางครั้งอาจจะไม่จำเป็นสำหรับการสื่อสารในบางครั้ง ทั้งนี้สิ่งที่เป็นหัวใจหลักในการสื่อสารภาษาอังกฤษที่ยังเป็นปัญหากับคนไทยอยู่เสมอคือ
ความไม่มั่นใจในตัวเอง
ซึ่งความกล้าพูดเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการสื่อสารและพูดภาษาอังกฤษสำหรับคนที่ไม่ได้ใช้ภาษาอังกฤษเป็นภาษาหลัก
นายเจมส์
กล่าวอีกว่า การที่ประเทศไทยจะเปลี่ยนเข้ามาสู่ประชาคมอาเซียนนั้น
คนไทยจำเป็นอย่างมากที่จะต้องพัฒนาทักษะทางด้านภาษาอังกฤษ เนื่องจากเมื่อปรับเปลี่ยนเข้าสู่ยุคอาเซียน
ประเทศที่เข้าร่วมต่างๆ อาทิ สิงค์โปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย พม่า
ต่างมีทักษะทางด้านภาษาอังกฤษที่ค่อนข้างดีกว่าประเทศไทยซึ่งจะทำให้เกิดการแข่งขันกันในอาชีพต่างๆสูงขึ้นและคนไทยจะลำบาก
นศ.ระบุ ไทยเข้าอาเซียนมีทั้งข้อดีข้อเสีย
นายศุภณัฐ
พัฒนพันธุ์พงศ์ นักศึกษาสาขาจิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
กล่าวว่า การที่ประเทศไทยเข้าสู่ประชาคมอาเซียนถือเป็นโอกาสที่ดีแก่คนไทย
เพราะทำให้บุคลากรที่ดีสามารถเลือกงาน
หรือเดินทางและทำธุรกิจในประเทศสมาชิกได้ง่ายขึ้น แต่ในอีกแง่หนึ่งก็เป็นอุปสรรคต่อคนไทยเนื่องจากปัญหาทางด้านภาษา
โดยเฉพาะภาษาอังกฤษของคนไทยค่อนข้างอ่อน
จุดนี้จะทำให้เกิดการแข่งขันกันอย่างมากขึ้นและอาจทำให้คนไทยเสียโอกาสในบางครั้ง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น